2025

2025

Advanced Data Leak Monitoring ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น “เรดาร์” เฝ้าระวังการรั่วไหลของข้อมูลทุกมิติ ตลอด 24 ชั่วโมง ครอบคลุมทั้งโลกออนไลน์ที่มองเห็นและมองไม่เห็น

Advanced Data Leak Monitoring

ในยุคที่ข้อมูลกลายเป็นสินทรัพย์สำคัญของทุกองค์กร ความเสี่ยงจาก ข้อมูลรั่วไหล (Data Leak) ไม่ได้มาจากแค่มัลแวร์หรือแฮกเกอร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงภัยเงียบอย่าง การตั้งค่าความปลอดภัยที่ผิดพลาด, การแชร์ข้อมูลโดยไม่ได้ตั้งใจ, หรือแม้กระทั่ง ข้อมูลที่รั่วไหลออกไปสู่โลกภายนอกโดยไม่มีใครรู้ตัว เช่น ข้อมูลลูกค้า, เอกสารภายใน, Source Code, และแม้แต่ไฟล์ที่แชร์ผ่าน Cloud ดังนั้นการเฝ้าระวังภัยทางไซเบอร์จึงจำเป็นต้องก้าวล้ำกว่าการตั้งรับแบบเดิม

บริการ Advanced Data Leak Monitoring จากทาง Symphony จึงถูกออกแบบมาเพื่อเป็น “เรดาร์” เฝ้าระวังการรั่วไหลของข้อมูลทุกมิติ ตลอด 24 ชั่วโมง ครอบคลุมทั้งโลกออนไลน์ที่มองเห็นและมองไม่เห็น

จุดเด่นของระบบ Advanced Data Leak Monitoring

1. Threat Hunting (บริการค้นหาภัยคุกคาม) ค้นหาและหยุดยั้งภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนและไม่เป็นที่รู้จัก โดยใช้เทคนิคขั้นสูงในการระบุ Indicators of Compromise (IOCs) ซึ่งบ่งชี้ถึงภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นกับระบบขององค์กร คุณสมบัติหลักได้แก่:

  • การป้องกันเชิงรุก (Active prevention) ค้นพบภัยคุกคามได้อย่างทันท่วงที และองค์กรสามารถป้องกันก่อนที่ภัยคุกคามนั้นจะสร้างความเสียหาย
  • การตรวจจับที่ครอบคลุม (Complete detection) สามารถตรวจจับภัยคุกคามที่หลุดรอดจากระบบป้องกันที่มีอยู่
  • การตอบสนองที่รวดเร็ว (Prompt response): ลดเวลาและตอบสนองต่อภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที

2. Data Leak Monitoring (การเฝ้าระวังข้อมูลรั่วไหล) สอดส่อง ติดตาม และค้นหาข้อมูลขององค์กรที่อาจถูกเผยแพร่ใน Dark Web และ Deep Web หรือรั่วไหลออกสู่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการเฝ้าระวัง Dark Web และ Deep Web

3. Threat Intelligence (ข่าวกรองภัยคุกคาม) เป็นส่วนหนึ่งของบริการจากทาง Symphony ที่ช่วยให้องค์กรเข้าใจถึงภัยคุกคามและพฤติกรรมการโจมตีต่างๆ คุณสมบัติที่เกี่ยวข้องได้แก่:

  • ฐานข้อมูลพฤติกรรมผู้คุกคามและการโจมตี (Threat Actor and Attack behavior database) รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มผู้คุกคามและวิธีการโจมตี
  • ฐานข้อมูลและการวิเคราะห์มัลแวร์ (Malware Database & Analysis)
  • การเฝ้าระวังข้อมูลรั่วไหล (Data Leak Monitoring)
  • การแจ้งเตือนช่องโหว่ (CVE Notification): ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการแจ้งเตือนช่องโหว่ความปลอดภัย (Common Vulnerabilities and Exposures)

ประโยชน์สำหรับองค์กร

🔒 ความปลอดภัย : ลดโอกาสข้อมูลสำคัญรั่วสู่สาธารณะ

🕒 ความเร็ว : ตรวจพบภัยคุกคามเร็วกว่าการสืบสวนแบบ Manual หลายเท่า

📉 ลดค่าเสียหาย : ช่วยป้องกันความเสียหายทางการเงินและชื่อเสียง

✅ Compliance : รองรับการตรวจสอบตาม PDPA, ISO 27001, NIST

ตัวอย่างกรณีการใช้งาน

สถานการณ์แนวทางที่ระบบรับมือ
ข้อมูลพนักงานหลุดใน Telegramระบบแจ้งเตือนทันที พร้อมแนบข้อความและลิงก์ต้นทาง
พบชื่อโดเมนของบริษัทถูกใช้ในเว็บฟิชชิ่งตรวจพบก่อนแพร่กระจาย พร้อม Alert ไปยังผู้ดูแลความปลอดภัย

Advanced Data Leak Monitoring ไม่ใช่แค่เครื่องมือตรวจจับ แต่คือ “ผู้เฝ้าระวังไซเบอร์เสมือนจริง” ที่ทำหน้าที่แทนทีมงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยช่วยให้องค์กรไม่เพียง “รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” แต่ยัง “รู้ก่อนที่จะเกิด” ด้วยระบบแจ้งเตือนเชิงรุก ครอบคลุมทั้งโลกที่มองเห็นและมองไม่เห็น

“ในโลกไซเบอร์… ข้อมูลที่รั่วคือความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้ อย่ารอให้มันเกิดก่อนถึงจะหาทางป้องกัน

————————

💬 หากท่านสนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการ หรือต้องการคำปรึกษาด้านความปลอดภัยไซเบอร์ สามารถติดต่อสอบถามได้ทันที:

📧 Salessecurity@symphony.net.th
📞 02 101 1111 📱
📱 LINE Official: Symphonycomm

#WeFastYouFirst
#ExcellentExperience
#SymphonyCommunication

Symphony และ SilverSky: ก้าวสำคัญสู่การยกระดับความปลอดภัยไซเบอร์ในไทย

นับเป็นก้าวสำคัญในวงการความปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศไทย เมื่อ Symphony ได้จับมือกับ SilverSky ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงไซเบอร์ระดับโลก การผนึกกำลังครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เพิ่มสูงขึ้นในภาคธุรกิจไทย

ลองฟังที่มาของการร่วมมือกันครั้งนี้ ภายใต้งานเปิดตัวบริการใหม่  Managed Extended Detection and Response (MxDR) เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยไซเบอร์ในประเทศให้ก้าวล้ำยิ่งขึ้น ด้วยบริการที่โดดเด่นด้วยการใช้เทคโนโลยีตรวจจับภัยคุกคามที่ครอบคลุม 100% พร้อมการเฝ้าระวังและการดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน

💬 หากท่านสนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการ MxDR หรือต้องการคำปรึกษาด้านความปลอดภัยไซเบอร์ สามารถติดต่อสอบถามได้ทันที:

 📧 Salessecurity@symphony.net.th

📞 02 101 1111 📱

📱 LINE Official: Symphonycomm

2025

สร้าง Private AI ภายในองค์กรอย่างปลอดภัย 100% ด้วย AI Inference + RAG 

สร้าง Private AI ภายในองค์กรอย่างปลอดภัย 100% ด้วย AI Inference + RAG 

นวัตกรรมใหม่สำหรับองค์กรยุคดิจิทัล ที่ต้องการทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัยของข้อมูล 

ในยุคที่ AI กำลังเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนธุรกิจ การใช้ AI ให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยไม่กระทบต่อความปลอดภัยของข้อมูลภายในองค์กร กลายเป็นเรื่องที่ทุกองค์กรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง AI Inference และ RAG (Retrieval-Augmented Generation) คือเทคโนโลยีคู่ขนานที่สามารถตอบโจทย์นี้ได้อย่างตรงจุด 

AI Inference คือ การนำโมเดล AI ที่ผ่านการฝึกด้วยข้อมูลชุดเก่าหรือชุดปัจจุบัน มาประมวลผลกับข้อมูลชุดใหม่ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและมีประโยชน์ เปรียบเสมือนการนำ “ประสบการณ์” ที่ AI เคยเรียนรู้จากอดีต มาใช้ในการตัดสินใจ ตอบคำถาม หรือพยากรณ์สิ่งที่จะเกิดในอนาคตได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น 

RAG (Retrieval-Augmented Generation) คือเทคนิคที่ช่วยให้ AI สามารถเข้าถึงและใช้ข้อมูลเฉพาะขององค์กรในการตอบคำถามหรือสร้างเนื้อหาได้อย่างตรงประเด็น เปรียบเสมือนการสร้าง “ห้องสมุดส่วนตัว” ที่มีข้อมูลสำคัญขององค์กรให้กับ AI ทำให้ AI สามารถดึงข้อมูลมาใช้ได้อย่างแม่นยำ เมื่อ AI ได้รับคำถาม จะค้นหาข้อมูลจาก “ห้องสมุด” นี้ จากนั้น AI จะใช้ข้อมูลที่ค้นหาได้มาสร้างคำตอบที่แม่นยำและตรงประเด็นให้กับผู้ใช้งาน 

การสร้าง Private AI สำหรับองค์กร 
การทำงานร่วมกันระหว่าง AI Inference และ RAG ช่วยให้องค์กรสามารถสร้าง Private AI ในระบบส่วนตัวขององค์กร (On-premise) และใช้ RAG เพื่อสร้างห้องสมุดส่วนตัวให้กับ AI เพื่อให้ AI สามารถเข้าถึงข้อมูลเฉพาะขององค์กรได้อย่างปลอดภัย ป้องกันข้อมูลที่สำคัญขององค์กรรั่วไหลออกสู่ภายนอกได้ 

ข้อดีของการมี Private AI 
– สามารถรักษาความลับข้อมูล: ป้องกันข้อมูลสำคัญขององค์กร ไม่ให้ถูกส่งออก หรือรั่วไหลออกไปภายนอกองค์กรได้ 
– ควบคุมความปลอดภัยได้เต็มที่: องค์กรสามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลและควบคุมการใช้งาน AI ได้อย่างเหมาะสม 
– ตอบคำถามด้วยข้อมูลองค์กรอย่างแม่นยำ: AI สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและเกี่ยวข้องกับองค์กร ทำให้ได้คำตอบที่แม่นยำและตรงประเด็น 

ตัวอย่างการใช้งานจริงในองค์กร 
– AI ผู้ช่วยด้านกฎหมาย: ตอบคำถามเกี่ยวกับนโยบาย HR หรือข้อกำหนดทางกฎหมายจากเอกสารภายใน ช่วยลดภาระงานของทีมกฎหมายได้อย่างมาก 
– AI ผู้ช่วยงานขาย: สรุปคุณสมบัติสินค้าและข้อเสนอขายจากเอกสารภายใน ช่วยให้ฝ่ายขายสามารถนำเสนอข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ 
– AI ผู้ช่วยงานประชุม: สรุปประเด็นสำคัญจากไฟล์เสียงการประชุม ช่วยให้ผู้บริหารและทีมงานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ 

การผสาน AI Inference เข้ากับ RAG ช่วยให้องค์กรสามารถใช้งาน AI ได้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูง ควบคุมข้อมูลได้ 100% ลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย และตอบโจทย์ความต้องการด้าน Compliance และ Data Privacy ได้อย่างลงตัว 

หากองค์กรของคุณกำลังมองหาโซลูชัน Private AI ที่น่าเชื่อถือและใช้งานได้จริง 

ติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญจาก Symphony ได้เลยวันนี้ 

📩 อีเมล: sales@symphony.net.th 

 📞 โทร: 02 101 1111 

 LINE Official: @symphonycomm 

2025, 2025

เสริมศักยภาพและยกระดับความต่อเนื่องทางธุรกิจ ด้วยบริการ SYMPHONY CLOUD

SYMPHONY CLOUD บริการคลาวด์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ Workload และ Application สำคัญขององค์กรคุณ ให้ดำเนินธุรกิจได้อย่าง คล่องตัว เติบโต และปลอดภัย ผ่านมุมมองของ คุณธนวัฒน์ วิวัฒน์พาณิชย์ – Head of Cloud Business Unit ผู้เชี่ยวชาญด้าน Cloud ที่พร้อมแชร์ประสบการณ์และแนวคิดการพัฒนา Cloud Infrastructure ให้รองรับทุกความต้องการขององค์กร

🎥 ในวิดีโอสัมภาษณ์พิเศษนี้ คุณจะได้พบกับ:

✅ จุดเด่นของ SYMPHONY CLOUD ที่ช่วยให้ธุรกิจคล่องตัวและเติบโตได้อย่างมั่นคง

✅ เบื้องหลังการดูแลระบบด้วยบุคลากรที่มีประสบการณ์และ Framework ตามมาตรฐานสากล

✅ การใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยจากพาร์ทเนอร์ระดับโลก ที่ช่วยยกระดับระบบ Cloud ของคุณให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

📩 ยกระดับธุรกิจของคุณสู่โลกดิจิทัลกับ SYMPHONY CLOUD

📧 Cloud@symphony.net.th | ☎️ 02 101 1111

📱 LINE OA : @symphonycomm

2025, 2025

SYMPHONY ยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมสู่ SLA 99.95% End-to-End พร้อมการันตีแก้ไขเหตุขัดข้องใน 3 ชั่วโมง

บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SYMPHONY ผู้ให้บริการโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมชั้นนำ ประกาศยกระดับ Service Level Agreement หรือ SLA (มาตรฐานการให้บริการ) ที่ระดับ 99.95% ครอบคลุมการเชื่อมต่อแบบครบวงจร (End-to-End) ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ช่วยลดระยะเวลาหยุดทำงาน (Downtime) และเป็นรายแรกที่รับประกันการแก้ไขปัญหาภายใน 3 ชั่วโมง (MTTR – Mean Time to Repair)

การพัฒนานี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ SYMPHONY ในการใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และโครงข่ายอัจฉริยะผ่าน Software-Defined Network (SDN) เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของระบบสำหรับลูกค้าองค์กร โดย SLA ที่ยกระดับนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการหยุดชะงักทางธุรกิจ ป้องกันการเสียโอกาสทางธุรกิจของลูกค้า และเสริมศักยภาพการเติบโตในยุคดิจิทัล

นายอเล็กซ์ โลห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SYMC กล่าวถึงความภาคภูมิใจในความสำเร็จครั้งนี้ว่า “SLA 99.95% End-to-End เป็นการยกระดับเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับให้แก่ลูกค้า ผ่านโครงข่ายที่แข็งแกร่ง มีประสิทธิภาพสูง และมีเสถียรภาพของบริการอย่างแท้จริง ลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากการเชื่อมต่อที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่า ส่งผลให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นและตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว”

สิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นสำหรับลูกค้า

การยกระดับมาตรฐานบริการ SLA 99.95% End-to-End นี้จะช่วยรับประกันคุณภาพของบริการโครงข่าย โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มองค์กรที่ต้องการการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง เช่น ธุรกิจด้านการเงิน การจัดการด้านความปลอดภัยของข้อมูล การรับส่งหรือการเก็บข้อมูลขนาดใหญ่  รวมถึงบริการคลาวด์คอมพิวติง เป็นต้น การลดช่วงเวลา downtime ให้เหลือน้อยที่สุด จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าองค์กรและเสริมศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของตลาด

นายภูมรินทร์ อินวงค์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงาน Customer​​s & Service Operation ของ SYMC กล่าวว่า การยกระดับ SLA จาก 99.90% เป็น 99.95% ของเราครอบคลุมการเชื่อมต่อแบบครบวงจร ไม่เพียงเฉพาะโครงข่ายหลัก (Backbone) เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง รวมถึงอุปกรณ์ Customer Premise Equipment หรือ Router ด้วยมาตรฐานใหม่นี้จะสร้างความมั่นใจและช่วยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของลูกค้า ผ่านการส่งมอบบริการที่มีคุณภาพและมีเสถียรภาพสูงสุด

การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี

เพื่อรองรับ SLA ที่เพิ่มขึ้นนี้ SYMPHONY ได้ลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายพื้นที่การให้บริการในต่างจังหวัด การอัปเกรดอุปกรณ์ส่งสัญญาณของโครงข่ายหลักให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และเพิ่มเส้นทางโครงข่ายหลักมากกว่าสองเส้นทางทั่วประเทศ เพื่อเสริมความเสถียรของโครงข่าย และครอบคลุมการเชื่อมต่อไปยังดาต้า เซนเตอร์ชั้นนำในประเทศไทย นอกจากนี้ SYMPHONY ยังได้เพิ่มและอัปเกรดอุปกรณ์อินเทอร์เน็ตเกทเวย์จุดเชื่อมต่อ (POP Sites) ที่กรุงเทพฯ สิงคโปร์ และฮ่องกง โดยเพิ่มจำนวนและความหลากหลายของเส้นทางการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยให้มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยมากขึ้น พร้อมขยายแบนด์วิธเพื่อรองรับการใช้งานข้อมูลที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง

การรับประกันการแก้ไขปัญหาของบริการภายใน 3 ชั่วโมง แสดงถึงความมุ่งมั่นของ SYMPHONY ในการมุ่งพัฒนากระบวนการทำงานให้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงประกอบกับมาตรฐานใหม่ SLA 99.95% End-to-End ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมศักยภาพให้กับธุรกิจทุกขนาด สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นใจด้วยการเชื่อมต่อที่มีความเสถียรและมีความปลอดภัยสูง ส่งเสริมการเติบโตธุรกิจของลูกค้าในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

2025, 2025

ยกระดับธุรกิจด้วย SYMPHONY CLOUD x HPE GreenLake – คลาวด์ที่ตอบโจทย์ทุกมิติ

SYMPHONY CLOUD ร่วมมือกับ HPE GreenLake นำเสนอโซลูชันคลาวด์ระดับองค์กรที่ตอบโจทย์ครบทุกด้าน ทั้ง ความเร็ว ความยืดหยุ่น และ ความปลอดภัย

ให้ธุรกิจของคุณมุ่งสู่อนาคตด้วยแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ พร้อมความล้ำสมัยจาก HPE GreenLake

💬 ติดต่อเราวันนี้ เพื่อเปลี่ยนผ่านธุรกิจของคุณสู่ยุคดิจิทัลแบบไร้ขีดจำกัด

📧 Email: Cloud@symphony.net.th

📞 โทร: 02 101 1111

📱 LINE Official: Symphonycomm

SYMPHONY CLOUD คือคำตอบสำหรับทุกธุรกิจของคุณ

#ExcellentExperience

#SymphonyCommunication