2023

CEO Econmass Awards 2023

เมื่อ;วันที่ 25 ตุลาคม 2566 คุณอเล็กซ์ โลท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ได้เข้ารับรางวัลสุดยอดซีอีโอรุ่นใหญ่ สาขาเทคโนโลยี ในงาน CEO Econmass Awards 2023

ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยมี ฯพณฯ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีกล่าวเปิดงานพร้อมมอบรางวัล

สำหรับรางวัลสุดยอดซีอีโอนั้นมีการคัดเลือกจากผู้บริหารจากบริษัทผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อสร้างต้นแบบผู้นำองค์กรภาคธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาศักยภาพ เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ การลงทุนและสังคมทุกภาคส่วน

นับเป็นอีกหนึ่งรางวัลสำคัญของบริษัทฯ และช่วยเสริมสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้บริหารและพนักงาน ซึ่งรางวัลนี้ได้ผ่านกระบวนการพิจารณาอย่างรอบด้านจากคณะกรรมการ อาทิ ความโดดเด่นในการทำงานด้วยความเป็นมืออาชีพ มีผลงานเป็นรูปธรรม และยังมุ่งมั่นในการบริหารจัดการ ยึดมั่นในจริยธรรม ตลอดจนคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม อันเป็นสิ่งสำคัญของการพัฒนาประเทศไทยต่อไปครับ งานนี้จัดขึ้น ณ โรงละครอักษรา คิงเพาเวอร์

ขอขอบคุณ สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจที่มองเห็นถึงความมุ่งมั่นของผู้บริหารและบริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น ในการพัฒนาศักยภาพเพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเรา

ทำความรู้จักมาตรฐาน CSA-STAR สำคัญอย่างไรกับบริการ Cloud

เนื่องจาก Cloud Technology ที่พัฒนาขึ้นอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันองค์กรส่วนใหญ่เริ่มมีความต้องการใช้บริการ Cloud เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้งานจากผู้ให้บริการ Public Cloud แต่คำถามแรกๆ ที่มักเจอเสมอคือ Public Cloud เหล่านั้นมีความปลอดภัยเพียงพอหรือไม่ในการเอาข้อมูลสำคัญขององค์กรไปฝากไว้ จึงเป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการที่ต้องสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการว่าจะได้รับบริการที่มีคุณภาพและสามารถบริหารจัดเก็บข้อมูลองค์กรให้ปลอดภัยได้ในระยะยาว

CSA-Star คืออะไร

“Cloud Security Alliance (CSA) เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการจัดทำวิจัยและเผยแพร่ความรู้ในประเด็นด้านความมั่นคงปลอดภัยของระบบการประมวลผลแบบ Cloud โดยเฉพาะ ซึ่งได้มีการจัดอันดับภัยคุกคาม เทคโนโลยี และการเพิ่มความมั่นคงปลอดภัยสำหรับระบบการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ (Security Technology for Cloud Computing) สร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานระบบ Cloud ได้มากยิ่งขึ้น โดย CSA มีมาตรฐานของตัวเองที่ชื่อว่า มาตรฐาน CSA-STAR

CSA-STAR ย่อมาจาก Cloud Security Alliance (CSA) – Security, Trust & Assurance Registry (STAR ) เริ่มใช้งานเมื่อปลายปี 2011 โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความโปร่งใสของผู้ให้บริการและความมั่นใจในการใช้ระบบ Cloud  CSA-STAR จึงเป็นทะเบียนสาธารณะที่ระบุถึงการควบคุมความปลอดภัยของระบบ Cloud หลากหลายประเภท จากหลากหลายผู้ให้บริการซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ที่ต้องการทำสัญญาหรือใช้บริการระบบ Cloud สามารถประเมินความปลอดภัยของผู้ให้บริการให้เหมาะสมกับความต้องการของตนเองได้ โดย CSA-STAR นั้นเป็นมาตรฐานความปลอดภัยบนระบบ Cloud ซึ่งเป็นส่วนเสริมเพิ่มเติมมาจากมาตรฐานความปลอดภัยของ ISO 27001 โดยมาตรฐาน CSA-STAR มุ่งเน้นที่ความปลอดภัยของการให้บริการ Cloud เป็นหลัก สำหรับในส่วนของการปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง หรือในส่วนของการรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลเป็นเพียงส่วนประกอบ และในการขอการรับรอง CSA-STAR นั้นผู้ให้บริการ Cloud ต้องจัดทำ ISO 27001 และใช้ Cloud Control Matrix (CCM) เพิ่มเติม”

*อ้างอิงจาก https://www.dga.or.th/document-sharing/article/35977/

จะเห็นได้ว่า CSA-STAR Certification นั้นเป็นประโยชน์อย่างมากกับทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่เพราะช่วยสร้างความมั่นใจในการให้บริการและชื่อเสียงแก่หน่วยงาน ทำให้ผู้ใช้งานสามารถมั่นใจได้ถึงมาตรฐานหรือหลักฐานในการพิสูจน์ว่าระบบ Cloud ที่ต้องการจะใช้นั้นปลอดภัยจริง

โดยการรับรองมาตรฐาน CSA-STAR สามารถแบ่งได้เป็น 2 ระดับคือ

STAR Level 1: Self-Assessment

ต้องเปิดเผยผลการประเมินด้วยตนเองจากแบบสอบถาม CSA Consensus Assessment Initiative (CAI) และ / หรือ Cloud Control Matrix (CCM)

STAR Level 2: Third-Party Assessment-Based Certification

ต้องเปิดเผยผลการประเมินโดยหน่วยงานที่ผ่านการรับรองโดยผู้ตรวจสอบ STAR โดยใช้ CCM และ ISO27001 หรือ AICPA SOC2

Symphony ในฐานะผู้ให้บริการ Cloud เล็งเห็นถึงความสำคัญของความมั่นคงปลอดภัยของบริการ Cloud จึงได้พัฒนาบริการ Cloud ให้มีมาตรฐานความปลอดภัยเป็นไปตามข้อกำหนดของ CSA-STAR CERTIFICATE และผ่านการรับรองทั้ง 2 ระดับ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่าจะได้รับบริการ Cloud ที่มีมาตรฐานเหมือนกับผู้ให้บริการ Cloud ระดับโลก และยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีที่สุด

Symphony Cloud Service พร้อมให้คำปรึกษาและบริการ Cloud ทุกรูปแบบ หากสนใจบริการติดต่อ 02 101 1111 หรือ E-mail : Cloud@symphony.net.th

Cloud Direct Connect กับ Hybrid Cloud Strategy

ปัจจุบันการใช้บริการ Cloud ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากซับซ้อนหรือเป็นเรื่องเฉพาะของฝ่าย IT อีกต่อไป หลายบริการที่เป็นโปรแกรมสำหรับองค์กรอย่างเช่น Office365 หรือ Salesforce ก็ให้บริการในรูปแบบ Cloud อยู่แล้ว หลายๆ หน่วยงานเริ่มย้ายข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ที่ออฟฟิศมาฝากไว้ที่ผู้ให้บริการ Cloud เพื่อลดต้นทุนในการดำเนินงานในระยะยาวและความคล่องตัวมากกว่า ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มการเติบโตของบริการ Cloud ตามรายงานของ DEPA คาดการณ์ว่า บริการ Cloud ในประเทศจะมีมูลค่าตลาดสูงถึง 31,500 ล้านบาทในปี 2568

แต่ยังมีข้อมูลหรือ Workload บางประเภทที่ยังไม่สามารถย้ายไปบน Cloud ได้ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัยและนโยบายด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูล หรือต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เข้มงวดบางประการ ทำให้การใช้งานแบบ On-Premise ยังคงมีอยู่ ดังนั้น Hybrid Cloud จึงเกิดขึ้นโดยการรวมข้อดีของ Cloud และ On-Premise เข้าด้วยกัน เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจที่ต้องการการย้ายข้อมูลไปมาระหว่าง Cloud และ On-Premise ให้เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ แล้วเราจะทำได้อย่างไร วันนี้ Symphony Cloud Service มีคำตอบ

Cloud Direct Connect เป็นบริการวงจรสื่อสารข้อมูลให้เช่าสำหรับลูกค้าองค์กรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเชื่อมต่อระหว่างสำนักงานหรือศูนย์ข้อมูลของลูกค้า (On-Premise) ไปยังผู้ให้บริการ Cloud ต่างๆ เปรียบได้กับการสร้างทางด่วนให้กับข้อมูล เป็นทางด่วนส่วนตัวที่มีแต่ข้อมูลของเราวิ่งอยู่บนนั้นคนเดียวไม่ต้องแบ่งใช้ทางด่วนกับคนอื่น ทำให้สามารถส่งข้อมูลได้รวดเร็วกว่า แตกต่างจากเดิมที่จะต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตสาธารณะซึ่งเหมือนกับถนนทั่วไปที่มีข้อมูลผู้ใช้งานจำนวนมากอยู่ในเส้นทางเดียวกัน ทำให้ข้อมูลในเส้นทางล่าช้ากว่าจะเข้าสู่ระบบ Cloud ได้

จะเห็นได้ว่าการใช้งาน Cloud Direct Connect นั้นเหมาะกับการใช้งานแบบ Hybrid Cloud มาก ทั้งในเรื่องของ Latency ที่ต่ำลงช่วยให้การถ่ายโอนข้อมูลระหว่างกันเกิดขึ้นในทันที  สามารถตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยด้วย Private Network ที่เป็นของเราคนเดียว รวมถึงความเสถียรในการเชื่อมต่อ ซึ่งข้อดีทั้งหมดนี้ไม่สามารถการันตีได้หากใช้บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะ  ตอบโจทย์กลยุทธ์ขององค์กรที่ต้องการรวมข้อดีและทลายข้อจำกัดของทั้ง Cloud และ On-Premise ทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวและข้อมูลยังคงมีความปลอดภัย

โดยจุดเด่นของบริการ Cloud Direct Connect ของ Symphony คือการให้บริการด้วยเทคโนโลยี SDN-MPLS ที่มีความรวดเร็วในการจัดการ ลดความซับซ้อนในการเชื่อมต่อ มีระบบการคิดวิเคราะห์และมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น ทำให้การเชื่อมต่อการสื่อสารของลูกค้ามีความต่อเนื่อง ตลอดจนรองรับความเร็วและแบนด์วิธที่สูงขึ้น โดยเป็นการรวมระบบการทำงานต่างๆ แบบอัจฉริยะเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบจัดการเส้นทางอัตโนมัติ ระบบวิเคราะห์ความหน่วงของข้อมูล (Latency) ระบบวิเคราะห์ความหนาแน่นของโครงข่าย (Utilization) ระบบควบคุมและเฝ้าระวังข้อมูลศูนย์หาย (Packet Loss Monitoring) ระบบจำลองสถานการณ์ (Simulation) เพื่อประเมินผลกระทบล่วงหน้า และมีโครงข่ายกระจายไปครอบคลุมแทบทุก Data Center หลักๆ ทั่วประเทศ

นอกจากโครงข่ายคุณภาพที่ครอบคลุมพร้อมเชื่อมต่อไปยังผู้ให้บริการ Cloud ที่หลากหลายตามความต้องการแล้ว  Symphony ยังมี Cloud Team ที่มีประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาการใช้งาน Cloud Direct Connect เพื่อช่วยให้องค์กรบรรลุวัตถุประสงค์การใช้งาน Hybrid Cloud  พร้อม Support Team ดูแลและให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อรองรับทุกความต้องการของลูกค้า

Symphony Cloud Service พร้อมให้คำปรึกษาและบริการ Cloud ทุกรูปแบบ หากสนใจบริการติดต่อ 02 101 1111 หรือ E-mail : Cloud@symphony.net.th

BaaS VS DRaaS เลือกแบบไหน ยังไงดี

อย่างที่เราทราบกันดีว่าการสำรองข้อมูลนั้นมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับองค์กรธุรกิจที่ข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญในการดำเนินงาน ปัจจุบันการสำรองข้อมูลโดยผู้ให้บริการ Cloud เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยบริการสำรองข้อมูลด้วยระบบ Cloud นั้นมี 2 รูปแบบหลักๆ คือ BaaS หรือ Backup as a Service กับ DRaaS หรือ Disaster Recovery as a Service แล้ววิธีไหนที่เหมาะกับองค์กรของเรา วันนี้ Symphony Cloud Service จะมาแนะนำวิธีการสำรองข้อมูลแต่ละแบบให้ได้ทราบกัน

BaaS เป็นการสำรองข้อมูลขององค์กร โดยส่งสำเนาข้อมูลผ่านโครงข่ายออกมาเก็บที่ระบบ Cloud ของผู้ให้บริการภายนอก ตามนโยบายการเก็บรักษาข้อมูล เช่น การสำรองข้อมูลทุกวันตอนกลางคืนและเก็บไว้เป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนหรือหนึ่งปี เพื่อป้องกัน Ransomware เป็นต้น ข้อดีของ BaaS คือมีค่าใช้จ่ายต่ำ ถือเป็นตัวเลือกที่ดีในการสำรองข้อมูลระยะยาวตามกฎหมายหรือข้อกำหนดต่างๆ แต่ข้อจำกัดที่สำคัญสำหรับ BaaS คือสำเนาชุดสุดท้าย (Last Copy) ที่เรามีถือว่าไม่ใช่ข้อมูลที่สดใหม่แล้ว เนื่องจากในระหว่างวัน Business Application มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และการกู้คืน (Restore) Last Copy ขึ้นมาใช้งานนั้นจะต้องมีการเตรียมระบบใหม่ที่จะให้ข้อมูล Restore กลับมา ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในทันที และจะมีชุดข้อมูลที่ขาดหายไประหว่าง Last Copy จนมาถึงเวลาที่ Restore ระบบกลับมาใช้งานได้

DRaaS นั้นจะเป็นการสำรองระบบงานขององค์กรเต็มรูปแบบ โดยจะสำรองข้อมูลไปยังระบบ Cloud ของผู้ให้บริการภายนอกตลอดเวลา โดยข้อมูลนั้นจะถูกเก็บไว้เฉยๆ เพื่อ Standby รอและพร้อมทำงานทดแทนทันทีเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติร้ายแรงขึ้นที่ Site หลัก โดยไม่จำเป็นต้อง Set up ระบบเพื่อทำงานทดแทน ข้อดีของ DRaaS คือทำงานได้รวดเร็ว ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการ Recovery ระบบ เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความต่อเนื่องของข้อมูล ราคาถูกกว่าการสร้าง Data Center สำรองของตัวเอง มีค่าใช้จ่ายให้กับ Cloud Provider เฉพาะการจัดเก็บข้อมูลระหว่างที่ระบบ Replicate ซึ่งเป็นข้อมูลชั่วคราวและจ่ายเฉพาะค่า CPU และ Memory ตามที่ได้ใช้งานเท่านั้น

โดยสรุป จะเห็นได้ว่าทั้ง BaaS และ DRaaS ต่างก็เป็น Solution เพื่อการสำรองข้อมูลเหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่วัตถุประสงค์การใช้งาน ถ้าข้อมูลที่เราต้องการสำรองไม่ใช่แกนสำคัญขององค์กรที่มีเวลาให้แก้ไขได้หรือองค์กรของเรามีระบบที่ไม่ซับซ้อน สามารถซ่อมแซมระบบเองได้อย่างรวดเร็ว การเลือกใช้งาน BaaS ก็เป็นทางเลือกที่ดูเข้าท่าดี แต่ถ้าองค์กรของเรามีระบบที่ต้องทำงานตลอดเวลาหรือไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลด้านระบบโดยเฉพาะ การนำงานส่วนนี้ออกมาให้ผู้ให้บริการ Cloud DRaaS ที่มีทีมวิศวกรดูแลโดยเฉพาะจึงเป็นเรื่องที่เหมาะสมกว่า

Symphony Cloud มีวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้าน Cloud Service มีบริการให้เลือกใช้หลายแบบและยังให้บริการ BaaS และ DRaaS อีกด้วย ซึ่งไม่จำกัดแค่การทำงานแบบ Cloud to Cloud แต่ยังสามารถทำงานแบบ Physical to Cloud ได้อีกด้วย ถ้ามีไอเดียที่อยากจะนำ Cloud ไปประยุกต์ใช้งานสำรองข้อมูลในองค์กร แต่ไม่แน่ใจเรื่องเทคนิคหรือการเลือกใช้งานระหว่างBaaS และ DRaaS สามารถติดต่อ Symphony Cloud Service ได้ตลอดเวลาครับ เพราะเรามีทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญยินดีให้คำปรึกษาเสมอ

สนใจบริการติดต่อ 02 101 1111 หรือ E-mail : Cloud@symphony.net.th

ให้ Symphony Cloud Service ดูแลคุณ

2023

Symphony Communication had participated in OneAsia Data Centre Grand Opening

คุณกรัณย์พล อัศวสุวรรณ – President คุณอเล็กซ์ โลท์ – Chief Operating Officer พร้อมด้วยคุณจัตุรงค์ บัววิรัตน์ – Head of Carriers & Partners Department ในนามบริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ได้เข้าร่วมแสดงความยินดีพร้อมมอบของขวัญเนื่องในโอกาสเปิดตัวบริการ Data Centre ของ OneAsia หนึ่งในผู้นำด้านดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลก โดยได้รับเกียรติจากคุณ Charles Lee – Founder and Chief Executive Officer เป็นตัวแทนของ OneAsia Network ให้การต้อนรับ และคุณจัตุรงค์ยังได้รับเกียรติขึ้นพูดคุยเสวนาบนเวทีในหัวข้อ “How do you perceive the growth of DC & Cloud in Thailand?”  เมื่อ วันที่ 19 ตุลาคม 2566 ณ Centara Grand at Central Ladprao

Disaster Recovery as a Service เพื่อความต่อเนื่องทางธุรกิจ

เหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้เช่น ภัยสงคราม อุทกภัย อัคคีภัย แผ่นดินไหว วาตภัย สิ่งเหล่านี้คือภัยพิบัติที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และเมื่อเกิดขึ้นแล้วยังยากที่จะต้านทานภัยพิบัติเหล่านี้ได้ นอกจากนั้นหากเกิดเหตุแล้วมักตามมาด้วยความสูญเสีย ทั้งชีวิตและทรัพย์สินที่จะต้องฟื้นฟูกันใหม่ ในเมื่อไม่สามารถต้านทานหรือคาดการณ์ล่วงหน้าได้ ความไม่ประมาทดูเหมือนเป็นทางออกที่ดีที่สุด ธุรกิจจึงควรมีการวางแผนตั้งรับเพื่อให้สามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง (Business Continuity) หากเกิดเหตุภัยพิบัติขึ้นมา

Disaster Recovery หรือเรียกสั้นๆว่า DR หมายถึงการกู้คืนข้อมูลเมื่อเกิดภัยพิบัติ ในอดีตการวางแผนทำ DR นั้นมีความยุ่งยากซับซ้อน ตั้งแต่การคัดเลือกเทคโนโลยีสำหรับการทำ DR, การจัดเตรียมระบบโครงข่ายให้พร้อม, การวางแผนในการกู้คืนระบบ ไปจนถึงการจัดหาสาขาสำรองสำหรับการทำ DR จำเป็นต้องลงทุน Hardware เเละ Software ไว้ที่ Site สำรองเพื่อทำงานทดเเทน ในกรณีที่ไม่สามารถทำงานที่ Site หลักได้ ซึ่งฟังดูเหมือนง่าย เเต่เเท้ที่จริงเเล้วมีความซับซ้อนในการสร้างและมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก

แต่ Symphony Cloud Service นั้นมี Solution DR as a Service ที่จะช่วยให้การทำ DR นั้นกลายเป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าที่เคย เพราะธุรกิจสามารถเลือกได้ทันทีเลยว่าจะทำแผน DR ให้กับ Server ไหนบ้าง ไม่ว่า Server นั้นจะอยู่ในรูปแบบของ VM ที่ติดตั้งใช้งานอยู่ภายในบริษัทเอง หรือว่าจะอยู่บน Cloud ของผู้ให้บริการก็สามารถเลือกทำได้เช่นกัน และเมื่อทำ DRแล้วข้อมูลใน Server นั้นๆ ก็จะถูกทำสำเนาไปอยู่บนบริการ Cloud ของ Symphony อีกชุดและเชื่อมต่อผ่านโครงข่ายที่มีความปลอดภัยกลับมายัง Data Center หรือ Cloud ที่บริษัทใช้งานอยู่ เพื่อ Standby ให้พร้อมต่อการกู้คืนได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดใดๆ ขึ้นกับ Server Site หลัก

สิ่งที่องค์กรควรจะเตรียมรับมือและประเมินไว้ล่วงหน้าก่อนทำ DR คือ RPO และ RTO

RPO (Recovery Point Objective) คือระยะเวลาสูงสุดที่ยอมให้ข้อมูลเสียหายเมื่อระบบ Backup ล่มลง ซึ่งนั่นหมายถึงช่วงเวลาที่องค์กรยอมรับและเป็นผู้กำหนดออกมาเป็นตัวเลขด้วยตัวเอง อาทิเช่น ช่วงเวลาที่ข้อมูลจะสูญเสียหรือเสียหายได้มากที่สุดเท่ากับ 12 ชั่วโมง หรือ 24 ชั่วโมง นั่นคือสิ่งที่จะต้องยอมรับ

RTO (Recovery Time Objective) คือระยะเวลาสูงสุดที่จะกู้ข้อมูลได้หลังจากเกิดเหตุฉุกเฉินใดๆขึ้น เพื่อให้ระบบกลับมารองรับการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง

Symphony Cloud Service มีผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ พร้อมให้คำแนะนำในการวางแผนการกู้คืนระบบเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อ RTO (ระยะเวลาสูงสุดที่จะกู้ข้อมูลได้หลังจากเกิดเหตุขัดข้องขึ้น) และ RPO (ระยะเวลาสูงสุดที่ยอมให้ข้อมูลมีความเสียหายเกิดขึ้น) ที่บริษัทกำหนดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในราคาที่ประหยัดกว่า

ถือว่าเป็น Next Generation Services รูปแบบใหม่สำหรับ Disaster Recovery Solution ที่ Symphony Cloud Service พร้อมช่วยให้องค์กรลดโอกาสการเกิด Downtime เเละธุรกิจจะยังคงดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะเกิดภัยพิบัติที่ไม่คาดคิด โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนเเบบ Hot Site เเบบเดิมๆ

สนใจบริการติดต่อ 02 101 1111 หรือ E-mail : Cloud@symphony.net.th

2023, 2023

Improve Cybersecurity Awareness

บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมกับบริษัท บริษัท ซังฟอร์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานสัมมนา “Improve Cybersecurity Awareness” ให้กับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองและบริเวณใกล้เคียงในจังหวัดชลบุรี

โดยซังฟอร์ เป็นผู้ให้บริการโซลูชัน ด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้ชั้นนำที่มีโซลูชั่นที่เหมาะสมกับกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรม โดยมีคุณรัตน์จิโรจน์ ชาญกิจกรรณ์ – Head of Industrials and Information Business Sector จากซิมโฟนี่ให้เกียรติกล่าวต้อนรับลูกค้า และในช่วงสัมมนา คุณนพดล มุสิกะรังษี – Head of Managed Security Services Business Unit ได้นำเสนอเรื่อง “รู้ทันภัยคุกคามทางด้านไซเบอร์” เพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันภัยต่างๆ สำหรับองค์กร ส่วนทางซังฟอร์ คุณ Sarayut Siragulthiraphong – Solution Consultant มาแบ่งปันเรื่อง “Incident Responder’s Diary: Ransomware in the Field” เพื่อให้ทราบถึงโซลูชั่นที่จะนำมาใช้เพื่อป้องกันภัยคุกคาม และในช่วงท้ายของงานยังมีการแจกของรางวัลต่างๆ ให้กับผู้โชคดีด้วยครับ โดยงานนี้จัดขึ้นวันที่ 21 กันยายน 2566 ณ Morino Hotel Si Racha จังหวัดชลบุรี

2023, 2023

Improve Cybersecurity Awareness

บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมกับบริษัท โซฟอส ไทยแลนด์ จำกัด จัดงานสัมมนา “Improve Cybersecurity Awareness” ให้กับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครและบริเวณใกล้เคียงในจังหวัดชลบุรี โดยโซฟอส เป็นผู้นำด้านโซลูชั่นในการควบคุมและรักษาความปลอดภัยของระบบไอที  โดยคุณอภิรัฐ วิสิทธิวงษ์ – Head of Enterprise Business Unit จากซิมโฟนี่ให้เกียรติเข้าร่วมงานและกล่าวต้อนรับลูกค้า และในช่วงสัมมนา คุณนพดล มุสิกะรังษี – Head of Managed Security Services Business Unit ได้นำเสนอเรื่อง “รู้ทันภัยคุกคามทางด้านไซเบอร์” เพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันภัยต่างๆ สำหรับองค์กร ส่วนทางโซฟอส ไทยแลนด์ คุณเมธี รัตนวัฒนประกิต  – Country Lead มาแบ่งปันเรื่อง “ภัยคุกคามในปี 2023 และการปรับตัวสำหรับกลุ่ม Manufacture” เพื่อเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับธุรกิจ ในช่วงท้ายของงานยังมีการแจกของรางวัลต่างๆ ให้กับผู้โชคดีด้วยครับ โดยงานนี้จัดขึ้นวันที่ 13 กันยายน 2566 ณ  Amata Spring Country Club จังหวัดชลบุรี

2023, 2023

Symphony Communication participated ACC 2023 in Cebu, Philippines

ระหว่างวันที่ 11- 15 กันยายน 2566 คุณจัตุรงค์ บัววิรัตน์ Head of Carriers and Partners Department พร้อมทีมงานฝ่ายขายได้เข้าร่วมงาน ACC 2023 ที่เมืองเซบู ประเทศฟิลิปปินส์

ซึ่งเป็นงานที่รวมตัวผู้ให้บริการโทรคมนาคมและ ICT จากทั่วโลกเพื่อมาประชุมร่วมกัน และยังเป็นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับธุรกิจโทรคมนาคมระหว่างกัน ในงานนี้ทีมงานได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับลูกค้าและพาร์ทเนอร์ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมหลายราย รวมถึงหารือเกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจและการทำงานร่วมกัน อีกทั้งยังได้รับฟังและแลกเปลี่ยนมุมมองเพื่อนำมาต่อยอดการให้บริการของซิมโฟนี่ร่วมกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ เพื่อให้บริการให้ตอบโจทย์และตรงกับความต้องการของลูกค้าของเรามากที่สุด

Backup as a Service (BaaS) ข้อมูลสำคัญป้องกันไว้ดีกว่าแก้

ในยุคดิจิทัล ข้อมูลถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับธุรกิจ จนมีคนเปรียบว่า “Data is the new oil” ดังนั้นความได้เปรียบของแต่ละองค์กรหรือบริษัทล้วนมาจากการหาและใช้ข้อมูลทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่เป็นขององค์กรเอง ข้อมูลของคู่แข่งในตลาด หรือข้อมูลของลูกค้าเอง ข้อมูลทุกอย่างล้วนมีค่าและมีความสำคัญที่จะต้องเก็บรักษาให้ปลอดภัยไม่ให้เกิดการสูญหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องสามารถนำกลับมาใช้ได้ตลอดเมื่อต้องการ

การที่ข้อมูลจะสูญหายได้นั้นเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งเรื่องความชำรุดของอุปกรณ์ที่ใช้ เกิดจากความผิดพลาดของตัวซอฟต์แวร์เอง จากภัยพิบัติหรืออุบัติเหตุ เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม การโจรกรรม ความผิดพลาดที่เกิดจากตัวผู้ใช้งานเอง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถูกโจมตีทางไซเบอร์ที่นับวันจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน แม้ว่าเราจะสามารถเตรียมการรับมือกับเหตุต่างๆ ที่จะทำให้ข้อมูลเราสูญหายได้ แต่ปราการด่านสุดท้ายคือการสำรองข้อมูล ที่เราจะมั่นใจได้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น องค์กรยังคงมีข้อมูลสำคัญเก็บอยู่อย่างปลอดภัย

Symphony Cloud Service ขอพาทุกคนมารู้จักกับ Backup as a Service (BaaS) ว่ามันคืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรกับธุรกิจ

Backup as a Service (BaaS) คืออะไร

เป็นโซลูชั่นการสำรองและการจัดเก็บข้อมูลโดยเก็บไว้สำรองกับผู้ให้บริการ Cloud ภายนอกอีกหนึ่งชุด จากเดิมที่หลายๆ องค์กรมักจะทำการเก็บหรือสำรองข้อมูลแบบ On-Premises ขององค์กรเองเพียงชุดเดียว แต่ตามแนวคิด 3-2-1 Backup Rule สมัยใหม่ การสำรองข้อมูลบนระบบ Cloud สามารถป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับข้อมูลได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดทำให้ธุรกิจไม่สามารถดำเนินต่อไปได้  แนวทางในการจัดเก็บข้อมูลแบบ Backup  as a Service นี้ จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเดิมที่องค์กรต้องใช้ทรัพยากร ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ต่างๆ ขององค์กรเอง โซลูชั่นนี้จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดการ เพิ่มประสิทธิภาพการสำรองข้อมูลและกู้คืนข้อมูลได้อย่างดี  ส่วนการจัดการทรัพยากรที่ต้องใช้นั้นจะเป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการ BaaS

ทำไมต้องใช้ Backup as a Service

ในปัจจุบันองค์กรและธุรกิจจำนวนมาก มีการใช้งานและเก็บข้อมูลในการดำเนินงานการพัฒนาธุรกิจไว้ในรูปแบบดิจิทัลและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งการเก็บและใช้งานข้อมูลเหล่านี้เองก็มีความเสี่ยงที่ข้อมูลจะสูญหายอันเนื่องมากจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น ระบบจัดเก็บเสียหาย โดนโจมตีทางไซเบอร์ รวมถึงเหตุการณ์ไม่คาดคิดอื่นๆ ซึ่งหากข้อมูลเหล่านี้สูญหายหรือรั่วไหล อาจสร้างความเสียหายให้แก่องค์กรหรือธุรกิจเป็นอย่างมาก ถึงจะมีการสำรองข้อมูล On-premises ไว้อยู่แล้ว แต่ถ้ามีการใช้บริการ BaaS เพิ่ม การสำรองข้อมูลลงบน Cloud ย่อมปลอดภัยและเพิ่มความมั่นใจในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินได้ โดยประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้งาน BaaS คือ

  1. ความรวดเร็ว เนื่องจากสามารถเริ่มใช้งานได้ทันที ไม่จำเป็นต้องลงทุนด้านอุปกรณ์และไม่ต้องดูแลรักษา เพราะเป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการอยู่แล้ว
  2. ความปลอดภัย เพราะข้อมูลที่ถูกสำรองไว้บน Cloud จะถูกเข้ารหัสและมีการทำสำรองไว้เพื่อป้องกันการสูญหายของข้อมูล
  3. ค่าใช้จ่ายถูกกว่า ไม่มีต้นทุนแฝงอื่นๆ เหมือนการสำรองข้อมูลแบบ On-Premises ที่จะต้องเช่าค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบทั้งหมด

Backup as a Service (BaaS) เหมาะสมกับใคร

บริการ BaaS เหมาะกับองค์กรทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดเล็กที่ไม่อยากลงทุนซื้อฮาร์ดแวร์และต้องการSolution ในการสำรองข้อมูลในทันที หรือบริษัทขนาดใหญ่ที่ต้องการจะขยับขยายการสำรองข้อมูลเดิมแบบ On-Premises ให้สามารถรองรับการสำรองข้อมูลที่มากขึ้น ซึ่งบริการ BaaS สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งในเรื่องของการประหยัดต้นทุน ความรวดเร็วและองค์กรของคุณก็ไม่ต้องจัดการกับปัญหาหลังบ้านหรือปัญหาทางเทคนิคใดๆ

การมี Backup Solution ที่ดีจะช่วยให้สามารถเก็บรักษาข้อมูลได้อย่างปลอดภัยและเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดก็สามารถกู้คืนข้อมูลกลับมาใช้ได้ทันเวลาเมื่อต้องการ  ซึ่ง Symphony Cloud Service มีผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำในการเลือก Backup as a Service Solution ที่ช่วยให้คุณเลือกวางระบบการสำรองข้อมูลได้เหมาะกับความต้องการใช้งานและงบประมาณขององค์กร

สนใจบริการติดต่อ 02 101 1111 หรือ E-mail : Cloud@symphony.net.th